การลดภาวะเบี่ยงเบนทางเพศ
( ตุ๊ด – เกย์ – ทอม – ดี้ )
ประเทศไทยมีคนที่มีภาวะเบี่ยงเบนทางเพศประมาณ 1 ล้านคน
ภาวะเบี่ยงเบนทางเพศมีด้วยกัน 2 แบบ คือ เป็นโดยสภาพแวดล้อม กับ เป็นโดยภาวะทางจิตใจ
– ซึ่งเป็นโดยภาวะทางจิตใจ เด็กมักมีอาการตั้งแต่เด็ก รู้สึกอยากเป็นเพศตรงข้ามกับเพศของตนเอง รู้สึกชอบเพศเดียวกันมากกว่าปกติ พ่อแม่จะต้องยอมรับและเปิดโอกาสให้เด็ก
– ส่วนเป็นโดยสภาพแวดล้อมนั้น เด็กไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เด็ก แต่สภาพแวดล้อมมีส่วนกระตุ้นให้เด็กเป็น คือ มีเพื่อนที่มีอาการเบี่ยงเบนทางเพศ – ถูกเลี้ยงดู มีคนรอบข้าง มีเพื่อน ที่เป็นเพศตรงข้ามกับตนเอง เช่น ตัวเองเพศชาย แต่คนในบ้านมีแต่เพศหญิง ตัวเองเพศชาย แต่เพื่อนๆที่คบมีแต่เพศหญิง หรือ เพื่อนที่เบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งเด็กกลุ่มนี้เราสามารถทำให้เด็กกลับมาเป็นปกติได้ !!!
ภาวะความเบี่ยงเบนทางเพศ มีด้วยกัน 3 ระดับ ดังนี้
1.ระดับบุคลิกท่าทาง คือ มีลักษณะ การยืนเดินนั่ง อิริยาบถต่างๆ การแต่งกาย คำพูดภาษาที่ใช้ ท่าทาง อาการที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจนต่างๆ ( เสื้อผ้า หน้าผม เครื่องประดับ ของใช้ส่วนตัวต่างๆ ) จะสามารถบ่งบอกได้
2.ระดับนิสัย คือ นิสัยส่วนตัว ความคิดเห็น มุมมอง ทัศนคติ ชอบหรือไม่ชอบอะไร นิสัยที่วัดได้ ผลที่ออกมาอยู่ในฝ่ายหญิงหรือชายมากกว่ากัน
3.ระดับจิตใจ คือ เห็นเพศเดียวกันแล้วชอบ ชอบแบบชู้สาวจริงๆ จะลงลึกถึงความรู้สึกและอารมณ์ที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของคนๆนั้นจริงๆ เป็นส่วนที่เปลี่ยนแปลงได้ยากที่สุด ( เช่น ความรู้สึกของเกย์ที่รู้สึกว่า พอเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกใจ ก็จะรู้สึกชอบเลยในลักษณะที่ผู้หญิงเห็นผู้ชายแล้วชอบในทันที )เป็นความรู้สึกที่แสดงออกมาในความใคร่ อยากได้มาครอบครอง และถึงขนาดว่าอยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนๆนั้นที่ถูกใจ
ระดับของการแก้ไข ถ้าเป็นบุคลิกท่าทาง และนิสัยจะยังพอแก้ไขได้ แต่ถ้าลงลึกในระดับของจิตใจ แล้วจะแก้ไขได้ยากมาก
////////////////////////////////////////////////////////////////////
แนวทางการแก้ไข ? เบี่ยงเบนทางเพศ
( ตุ๊ด – เกย์ – ทอม – ดี้ )
โดยมีแนวทางที่ช่วยได้ 3 ประการ ดังนี้
1.สภาพแวดล้อม ปัญหาเบี่ยงเบนที่มาจากสภาพแวดล้อม
-การเลี้ยงดูแบบผิดเพศของครอบครัว
-ใกล้ชิดกับแม่มากเกินไป ( จะซึมซับความเป็นผู้หญิงจากแม่มาก็มากได้ )
-การคบเพื่อนเพศเดียวกันที่มีลักษณะตุ้งติ้ง ( พฤติกรรมจะเปลี่ยน ไม่ชอบเล่นกีฬา ไม่ชอบเล่นกิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมผาดโผน )
ดังนั้น จะแก้ไขได้โดย ต้องทำในลักษณะที่สวนทางกัน กับสิ่งที่เด็กนั้นเป็นอยู่ เช่น ลูกชายก็ให้อยู่กับพ่อให้มากขึ้น ให้คบเพื่อนชายให้มากขึ้นเลี้ยงดูในลักษณะที่ตรงกับเพศของลูกคุณ
2.กิจกรรม คือ เปลี่ยนกิจกรรมให้เหมาะสมกับเพศของลูกคุณอย่างถูกต้องเหมาะสม
ถ้าเป็นชาย กิจกรรมที่เน้น คือผาดโผน กีฬากลางแจ้ง ตกปลา รถแข่ง ดูหนัง ในลักษณะที่เป็นกิจกรรมที่เด็กผู้ชายจะทำกัน เช่น – มีการเล่นกีฬาทุกวันตอนเย็น อย่างสม่ำเสมอ แต่เน้นเป็นกิจกรรมที่ออกแรง หรือออกกำลังอย่างผู้ชาย อาจให้มีเจ็บตัวบ้าง – พาลูกไปเข้าร่วมกิจกรรมตกปลา แข่งรถ เตะบอล หรือขี่ม้า – เล่นดนตรีแต่เน้นดนตรีแบบผู้ชาย เช่นกลอง กีตาร์ – พาลูกไปดูหนังโดยเลือกหนังแนวแอ๊คชั่น ต่อสู้ – พาลูกเข้างานสังคมพบปะกับเพื่อนผู้ชายเพื่อให้เกิดความสนิทสนมกับเพศชายมากขึ้น – ที่สำคัญพ่อควรจะเข้ามามีบทบาทกับลูกให้มากขึ้น
ถ้าเป็นหญิง กิจกรรมที่เน้น คือ ความสวย ? ความงาม สังสรรค์ ปาร์ตี้ คุยเรื่องแฟชั่น ทำขนม ทำอาหาร ตกแต่งห้อง ? จัดสวน ร้อยพวงมาลัย เล่นดนตรี ในลักษณะที่เป็นกิจกรรมที่เด็กผู้หญิงจะทำกัน เช่น – พาลูกเข้าร่วมกิจกรรมสังสรรค์ เข้าสังคมที่มีแต่กลุ่มผู้หญิงด้วยกัน – พาลูกไปงานแสดงสินค้าต่างๆที่เกี่ยวกับความสวย – ความงามบ่อยๆ ( เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ฯลฯ ) – ชวนกันทำอาหาร ขนม ปลูกดอกไม้ จัดสวน – ดูหนัง อ่านหนังสือ ที่เป็นแนวผู้หญิงมากขึ้น – ที่สำคัญแม่ควรจะเข้ามามีบทบาทกับลูกให้มากขึ้น
* พยายามให้เด็กเห็นพฤติกรรมของเพศที่เด็กคนนั้นเป็น บ่อยๆ และให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้นทั้งหมด และควรทำอย่างต่อเนื่อง *
3.ทัศนคติ -ความคิด – นิสัย เปลี่ยนทัศนคติความคิดนิสัยของเด็ก ให้ตรงกับเพศตัวเองมากขึ้น โดยพยายามสอน และให้ดูหนัง ละคร อ่านหนังสือ แล้วกระตุ้นให้เด็กคิดแบบที่ตรงเพศตัวเองมากขึ้น การที่เราดูหนัง ละคร อ่านหนังสือ ที่ตรงกับเพศตัวเองมากขึ้น พร้อมมีคนคอยกระตุ้นให้เด็กคิดตรงกับเพศตัวเองมากขึ้น ซึ่งก็จะช่วยให้เด็กค่อยๆ มีทัศนคติความคิดนิสัย ตรงเพศมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทัศนคติความคิดนิสัยของเด็ก ตรงเพศมากขึ้น อาการเบี่ยงเบนทางเพศก็จะน้อยลง
วิธีคิด-นิสัย ของผู้ชาย เช่น จะไม่คิดเล็กคิดน้อยไม่เรื่องมาก ไม่หยุมหยิม รักพวกพ้อง ศักดิ์ศรีต้องมาก่อน คำพูดคำจาหนักแน่น น่าเชื่อถือ มองในมุมกว้าง กล้าได้กล้าเสีย ชอบปกป้องผู้อื่นมากกว่าจะถูกปกป้องเสียเอง จะคิดว่าตัวเองแข็งแรงและมีพลัง
วิธีคิด-นิสัย ของผู้หญิง เช่น ผู้หญิงจะมีความเห็นอกเห็นใจกัน ชอบคิดมาก คิดเล็กคิดน้อย ขี้เกรงใจ จะมองตัวเองและความรู้สึกของตัวเองเป็นหลัก กล้าได้แต่ไม่กล้าเสีย ชอบให้โดนปกป้องจะรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอและบอบบาง
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ ชี้ให้เด็กมองเห็นอนาคตในระยะยาว ถึงสภาพความเป็นจริงให้มากที่สุด ถ้าเด็กจะเบี่ยงเบนทางเพศ เด็กต้องเผชิญแรงกดดันอะไรจากสังคมบ้าง พ่อแม่ ญาติพี่น้องของตัวเด็กเอง เด็กก็จะเริ่มมีความคิด เมื่อเปลี่ยนความคิดเด็กได้ ก็จะเปลี่ยนจิตใจได้ และท้ายสุดสภาพแวดล้อมที่เด็กเป็นก็จะเปลี่ยนไปด้วย
ตัวอย่างคำถามที่ให้เด็กต้องคิดและมองถึงอนาคต เช่น – เมื่อเรียนจบแล้วต้องไปทำงาน ส่วนใหญ่แล้วคนที่เป็นเบี่ยงเบนทางเพศจะมีคนรับเข้าทำงานหรือไม่ – ถ้ามีครอบครัวแล้ว จะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์หรือไม่ ( มีพ่อ แม่ ลูกครบหรือไม่ และถ้าไม่สมบูรณ์จะรับได้หรือไม่ พร้อมเหตุผล ) – จะรับได้หรือไม่ที่จะมีการจำกัดสิทธิ์บางอย่างของคนที่เป็นเบี่ยงเบนทางเพศ – คิดว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้องจะรู้สึกอย่างไร อับอายหรือไม่ ที่มีคนในครอบครัวมีอาการเบี่ยงเบนทางเพศ – ตัวของเราเองจะรู้สึกอับอายหรือไม่ ถ้าไปที่ไหน ก็มีคนมองว่าผิดปกติ เป็นพวกเบี่ยงเบนทางเพศ อาจจะไม่ข้องแวะด้วย ไม่อยากร่วมงานด้วย แล้วคุณจะรับได้หรือไม่
*เริ่มจากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม แล้วก็มาเปลี่ยนที่ความคิดเด็ก จิตใจของเด็กก็จะเปลี่ยนตาม ท้ายที่สุด ภาวะเบี่ยงเบนทางเพศก็จะหายไป*
: อ.ปั้น